One Comment

  1. เทปนี้เป็นเทปที่ดีที่สุดของรายการเกมกลยุทธ์เลยค่ะ ตั้งแต่เริ่มออกอากาศมา
    กรรมการแต่ละท่านยิงคำถามได้ใจมาก
    อ้อ ต้องขอชมทีมตัดต่อด้วยว่าพัฒนาได้ดีขึ้นมาก แม้ว่าจะยังมีจุดบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ บ้าง แต่เชื่อว่า ประสบการณ์และเทปต่อๆ ไปจะทำได้ดีขึ้นอย่างมาก

    ตั้งแต่เริ่มต้นรายการแล้ว ก็เดาแล้วว่าให้หยิบขวดเปปทีนเป็นการแบ่งทีมแบบสุ่มแน่ๆ พอแบ่งออกมา ก็ตกใจหน่อยๆ ที่เห็นแคนดี้กับเอกอยู่ทีมเดียวกัน แวบแรกคิดว่าทีมนี้น่าจะได้เปรียบอย่างแรง เพราะมีอดีต leader ที่นำชัยชนะมาทั้งหมด แต่อีกแวบหนึ่งก็หวั่นว่า เสือสองตัวจะอยู่ในถ้ำเดียวกันได้ไหม แล้วก็ให้แปลกใจอีกที่ทั้งเอกกับแคนดี้ รวมทั้งเพรมพ์ กับนุ้ย ลงมติเอกฉันท์ให้นิ้นเป็นหัวหน้า โดยเฉพาะเอกกับแคนดี้ ให้เหตุผลที่ดีมากๆ ในการยอมรับนิ้นให้เป็นหัวหน้า เห็นชัดว่าทีมนี้การทำงานเป็นทีมไปได้สวยเลย
    แต่สำหรับทีมที่ 2 ก็ไม่ได้คิดว่าเสียเปรียบเท่าไรนะ เพราะมีทั้งตี้และพีคซึ่งเป็นคนที่ใครๆ ว่าจะเป็นตัวเก็ง ก็อยู่ในทีมด้วย แต่ทว่าตอนการเลือกหัวหน้าทีม กลับทำให้เรารู้สึกตะหงิดหน่อยๆ โดยเฉพาะตอนที่ต้นอ้อบอกว่า หวานให้เหตผลในการขันอาสาขึ้นเป็นหัวหน้าทีมว่า เพราะอาวุโสสุด…
    .. คือ ตรงนี้น่ะ มันจี๊ดกับเรา เพราะครั้งหนึ่งที่ที่ทำงาน เคยมีคนขึ้นเป็นหัวหน้าทีมด้วยเหตุผลว่า เขาอายุมากสุด และเขาก็ทระนงที่ความอายุมากของเขา และไม่รับฟังความเห็นของคนที่อายุน้อยกว่าเขาเลย…
    แล้วจากการที่ตี้ พีค ต้นอ้อ มาพูดถึงน้ำหวานในตอนหลังเลือกโปรเจคลีดเดอร์ โดยพูดถึงแต่จุดด้อย ทำให้เห็นแววการทำงานประสานกันในทีมว่ามีแนวโน้มประสานงากันแน่ๆ แต่ก็ให้สงสัยว่า ถ้าว่าน้ำหวานอ่อน แล้วเลือกเขาเป็นหัวหน้าทำไม? ตรงนี้ทีมตัดต่อรายการไม่ได้แสดงให้เห็น ก็เลยเป็นปัญหาให้คาใจหน่อยๆ อาจจะพอกล้อมแกล้มคิดได้ว่า ไม่มีใครกล้าพูดโต้แย้ง มัวแต่เกรงอกเกรงใจกันจนเสียงาน

    ที่จริง ผลงานที่ออกมาน่ะ ในสายตาเรา ทีมที่ 1 นำเสนอดี แต่สอบตกในเรื่องของการตอบโจทย์ลูกค้า.. งานสปอทโฆษณาของทีมที่ 1 น่ะสวยนะ ดูดีมีสไตล์ แต่ไม่ได้บอกเลยว่าเปปทีนคืออะไร เปปทีนใช้ยังไง แล้วเปปทีนเหมาะกับลูกค้ากลุ่มไหน? แต่เราไม่แน่ใจว่า แผนงานการตลาดของทีมที่ 1 เป็นอย่างไร เพราะทีมตัดต่อไม่ได้แสดงส่วนนี้ อาจจะด้วยข้อจำกัดเรื่องเวลาด้วยล่ะมั้ง แต่เสียงจากกรรมการลีโอ เบอร์เนทท์ ทำให้เชื่อได้ว่า แผนการตลาดของทีมที่ 1 น่าจะมาอุดจุดอ่อน และตอบโจทย์ที่สปอทโฆษณาไม่ได้สื่อไว้ได้
    ขณะที่ทีมที่ 2 ตัวสปอทโฆษณาตอบโจทย์ลูกค้าได้ชัดเจน ทำให้คนดูรู้เลยว่าเปปทีนคืออะไร แต่..​ภาพรวมของสปอทมันดู..​เอ่อ ไม่แน่ใจว่าจะใช้คำนี้ดีไหม ..เห่ยค่ะ (ถ้าแรงไปก็ขออภัยด้วย) นั่นคงเป็นเพราะประสบการณ์ทำงานด้านนี้ของสมาชิกในทีมมีน้อยมาก คราวนี้ พอภาพมันออกมาในลักษณะนี้ มันกลับทำให้ไม่แน่ใจว่าจะตรงใจกลุ่มเป้าหมายได้ไหม? (ซึ่งถ้าทีมได้มือกราฟฟิคดีๆ หรือคนที่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของ artistic presentation น่าจะช่วยได้เยอะเลย) ส่วนในเรื่องของแผนการตลาด ก็เหมือนทีมที่ 1 คือ ทีมตัดต่อไม่ได้แสดงให้ดู แต่รับรู้ได้จากเสียงกรรมการว่า ไม่ประสานกันดีเท่าไร…

    ตอนที่เข้าห้องประชุมตัดสินทีมที่ชนะ ก็หวั่นๆ อยู่ว่า ทีมที่ 1 อาจจะแพ้ เพราะตัวสปอทโฆษณาไม่ตอบโจทย์ดีเท่าทีมที่ 2 แต่เพราะการทำงานประสานกันในทีมดี มีทิศทางชัดเจน ก็เลยทำให้ทีมที่ 1 ชนะได้
    (ลองคิดเล่นๆ ว่า ถ้าทีมที่ 1 แพ้..​ คนที่โดนโหวตออกน่าจะเป็นใคร? เราเดาว่าทุกคนก็คงยอมรับความผิดพลาดของตัวเองที่ร่วมกันตอบโจทย์ผิด แต่ถ้าบังคับให้ต้องโหวตออก 2 คนที่จะโดนคงเป็นเจ้าของไอเดีย และ หัวหน้าทีมที่เป็นจุดเริ่มของการกำหนดทิศทางล่ะมั้ง)

    ส่วนทีมที่ 2 ก็ตามคาดเลยว่า ลูกทีมต้องโหวตหัวหน้าออกแน่ๆ ก็หวั่นๆ ว่ากรรมการจะเออออไปด้วย แต่กรรมการครั้งนี้สุดยอดมากๆ ที่ถามถึงเหตุผลที่เลือกน้ำหวานมาเป็นหัวหน้าของแต่ละคน และทำให้รู้ว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้นกับทีม

    ที่จริงการที่น้ำหวานขันอาสามาเป็นหัวหน้า จัดว่ามีความเสี่ยงอยู่ไม่น้อยในตัวน้ำหวานเอง เพราะถ้าพลาด ทีมไม่ชนะ เธอก็คือคนที่ต้องรับผิดชอบมากที่สุด

    ..ขอพาดพิงรายการ The Apprentice หน่อยนะคะ มีตอนหนึ่งที่ Donald Trump พูดถึงการเลือกหรือขันอาสาเป็น project leader ว่า เป็นคนที่มีความเสี่ยงสูงที่สุด และเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบต่อผลแพ้ชนะของทีมมากที่สุด เพราะฉะนั้นเพื่อกระตุ้นความกระตือรือร้นอยากขึ้นเป็นผู้นำ เขาก็เลยให้รางวัล project leader ของทีมที่ชนะว่า ได้รับสิทธิละเว้นการโดนไล่ออกในสัปดาห์ถัดไป (แต่ใช้ได้แค่ถึงรอบ 4 คนสุดท้ายนะ)..

    ทีนี้การที่น้ำหวานขันอาสาเป็นหัวหน้า และยอมรับความเสี่ยงนี้เนี่ย เราถือว่าเป็นคนที่มีความเสียสละต่อทีมในระดับหนึ่ง แต่ทว่า ลูกทีมกลับไม่ได้มีความรู้สึกซาบซึ้งหรือให้ความเคารพในตัวหัวหน้าสักเท่าไร และก็เป็นอย่างที่คุณนันบอกน่ะค่ะว่า ต่างก็เชื่อมั่นในตัวเองมากว่า ตัวเองจะทำได้ดีกว่า แทนที่จะเกิดการสนับสนุนกัน กลับการเป็นการข่มกันไปแทน ทำให้การทำงานประสานของทีมไม่ลื่นไหลเท่าไร
    เท่าที่ดู เหมือนน้ำหวานจะรู้ในจุดนี้ และพยายามที่จะเรียนรู้งานเพื่อให้เป็นที่ยอมรับของทีมให้ไวที่สุด แต่ยิ่งเรียนรู้กลับยิ่งถูกลูกทีมมองว่าอ่อนหัด และเหนื่อยใจกับการต้องมาอธิบายสารพัดซ้ำซาก

    เราว่าน้ำหวานอาจจะพลาด ที่รับโปรเจคที่ใหญ่เกินตัว และตัวเองไม่ถนัด แต่ลูกทีมก็พลาดในแง่ไม่ให้โอกาสคน และแง่ทรยศต่อความคิดตัวเอง ในเมื่อตัวเองยอมรับเขาให้เป็นหัวหน้าทีม แต่การกระทำต่อหัวหน้ากลับไปทิศตรงกันข้าม.. เหมือนถอดใจแพ้แต่ต้น และเตรียมโยนความผิดทุกอย่างให้หัวหน้าเลย

    งานนี้กรรมการทำหน้าที่โดนใจมากๆ ที่ค้นหาจุดผิดพลาดของทีมเจอ โดนใจเลยค่ะ “เคยได้ยินไหมว่า Put the right man to the right job”

    ส่วนที่ตี้โดนออก ยอมรับจริงๆ ว่าตอนแรกก็ตกใจที่คนไปเป็นตี้ แต่เขาก็ตอบแบบไม่คิด และเหตุผลที่เขาให้กับกรรมการเนี่ย มันดูอ่อนด้อยเหลือเกิน อารมณ์เหมือนคนที่ตัดสินใจโดยใช้อารมณ์ ซึ่งในสถานการณ์เช่นนั้น อารมณ์ชั่ววูบก็ทำให้เกิดหายนะได้..

    โจทย์ครั้งนี้เป็นบทเรียนที่ดีสำหรับทุกๆ คนเลย ไม่ว่าจะทำงานอะไรด้านไหนก็ตาม การขึ้นเป็นผู้นำ การยอมรับตัวผู้นำ การเป็นลูกทีมที่ดี และการตัดสินใจใจการใช้คำพูด… เกมกลยุทธ์สัปดาห์ที่ 5 นี่ทำได้โดนเต็มๆ เลยเค่ะ

    ป.ล. รางวัลทำผมรอบนี้น่ะ.. คือ.. ผิดหวังนะ เห็นทำออกมาดีขึ้นคือเอก กับนุ้ย ส่วนที่เหลือเนี่ย..
    -__-‘

Comments are closed.