เกมกลยุทธ์ ปี 2 ตอน ๒ | ภารกิจที่ 2 4P's เชียงใหม่

ในอีกด้านที่อยากเขียนถึง คือในมุมมองที่มีต่อผู้เล่นโดยตรงครับ
เทปนี้ ทำให้ผมหายคาใจไปได้เยอะ เพราะหลายคำตอบในเทปแรกอยู่ในนี้นี่แหละ

ในภารกิจที่ 2
จุดแรก เทคนิคในการที่กรรมการสลับ 2 คนนี้ให้ไปทำหน้าที่ในอีกทีมหนึ่ง
คือ การให้โอกาสและบทบาททดสอบตัวเองอย่างสูงสำหรับบุคลากรในองค์กร

สำหรับในเกมกลยุทธ์ เป็นบททดสอบโดยตรง สำหรับ ดิว และ น้ำฝน
(ซึ่งทำให้เราเห็นบทบาทของ 2 คนนี้มากขึ้น)
แถมเมื่อให้โจทย์ 4Ps โดยกำหนดพื้นที่ ซึ่งเป็นจุดที่หัวหน้าทีมทั้งสองฝ่ายรู้จักดี
นั่นหมายถึงว่าโจทย์ที่กำกวมในเรื่องเวลาสำหรับการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายจะลดลงไปด้วย

งานนี้จึงเป็นความหมายในการตอบโจทย์ของภารกิจ ล้วนๆ
และทั้งสองทีมทำได้ดีทั้งคู่ ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันเท่าไหร่ในเรื่องของการลงพื้นที่
เพียงแต่ระยะห่างของรายได้นั้น ต่างกันมาก
ผลลัพธ์ของภารกิจนี้ ผลการทำรายได้ของทั้งสองทีมแตกต่างกันมาก ย่อมมีที่มาครับ
เห็นว่าในรายการไม่ได้บอกไว้ เลยถือโอกาสเสริมนะครับ

จุดแรกที่น่าสนใจและเป็นตัวแปรแรกก็คือสถานที่ (place) ครับ
ทั้งสองฝ่าย ทั้ง ดิว และ น้ำฝน ต่างรู้ดีว่าจะต้องหาจุดที่ทราฟฟิกของคนจะมาลงตัวที่สุดสักจุดนึงในเชียงใหม่
คือถนนคนเดิน ที่จะปิดถนนเดินกันขวักไขว่ และจุดที่คนหมุนเวียนมากที่สุดอยู่ตรงไหน

ข้อเสนอแบบมีฉันไม่มีเธอของน้ำฝน คือ มีจุดลงบู้ทที่ไม่ชนกัน
ทำให้มีเงื่อนไขตัวแปรระหว่างพื้นที่ที่ดี และพื้นที่ที่ดีที่สุดโดยที่ แม้ไม่ทราบว่าทั้งสองฝ่ายรู้หรือไม่
แถมการต่อรองเรื่องพื้นที่นี่ วัดๆมากๆ เพราะทั้งคู่เลือกเกม หัวก้อย และน้ำฝนได้

ปริมาณของคนที่เดินผ่านระหว่างถนนสองสายที่มาตัดกัน ถือว่าเป็นทำเลที่มีทราฟฟิกมากกว่าจุดรับ
แบบถนนด้านเดียว ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ถ้ามีใครเคยไปนั่งประเมินปริมาณคนที่หมุนเวียน
จะรู้ว่าประมาณคนที่หลั่งไหลตามธรรมชาติ ณ จุดที่ถนนตัดยังไงก็มีมากกว่า(เคยนับแบบนี้ไหมครับ)
(สำหรับบางกรณี จะมีการเก็บข้อมูลกันในระดับทำเลพื้นที่ด้วย เพราะต้องประเมินผลความคุ้มค่าในการลงทุน)

ทำเลที่ตั้งจึงเพิ่มโอกาสการตลาด และเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของ 4Ps เสมอด้วยเหตุนี้

คะแนนนี้ให้ น้ำฝน กับ ดิว คนละแต้มได้เลยในฐานะที่รู้จักพื้นที่ แต่คงต้องให้แต้มบวก+1 กับน้ำฝน
ในฐานะที่ช่วงชิงทำเลที่ดีที่สุดมาให้กับทีมได้

จุดที่สอง ผมเห็นว่า การวางกลยุทธ์ด้านราคา Price ของทีมสอง ตีโจทย์มองข้ามพฤติกรรมการตอบรับ
ของพฤติกรรมกลุ่มเป้าหมายในเรื่องราคาไปนิด เพราะถึงจะเป็นไอเดียที่คิดได้ แต่สำหรับการแข่งขันแล้ว
เป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับตนเองในการแข่งขันอย่างมาก สำหรับพื้นที่ และพฤติกรรมของผู้บริโภคในหัวเมือง

ดังนั้น ทีมสอง ของน้ำฝน จึงทำแต้มบวก 1 แต้ม ในด้านการวางราคาที่สอดคล้องต่อการตัดสินใจของคนพื้นที่
ที่น่าสงสัย คือ ถ้ามีใครในทีม 1 ทักท้วงเรื่องนี้บ้างน่าจะดีครับ (หรือมีแต่ไม่ได้ลงก็ไม่รู้)
เพราะการใช้ราคาสูงกว่าราคาปกตินั้นเป็นกลยุทธ์ที่จะมีผลลบมากกว่าบวก

จุดที่สาม คือ กลยุทธในการใช้ Promotion ซึ่งจะเห็นได้ว่า
กลยุทธ์การจัดการของทีมน้ำฝน เลือกใช้ทีมงานเข้ามาทำหน้าที่หลายๆด้าน ทั้งพริตตี้ ทีมแด๊นท์ ทีมขาย
โดยบุคลากรหลักของทีมทำหน้าที่เดินเกม คนที่เหลือต่างประเมินสถานการณ์คิดช่องทางกลยุทธ
และลงภารกิจในด้านที่ตัวเองมั่นใจ แม้ว่าจะเห็นชัดว่าไม่เป็นทีมมากนัก
แต่ก็จัดได้ว่าเป็นทีมที่เอาความสามารถมาใช้ร่วมกันได้ดี การจัดการจึงมีระบบทำให้เกิดความได้เปรียบขึ้น
ความหลากหลายของกลยุทธ์ เกม โปรโมชั่นที่ใช้สลับกัน และปริมาณคนที่รองรับการขายที่เยอะกว่า

ส่วนทีม 1 ทุ่มบุคลากรหลักลงไปในภารกิจมากกว่า และบุคลากรในการขายที่นำมาใช้ประโยชน์ในการขาย
ในสัดส่วนที่น้อยกว่าจึงเกิดข้อได้เปรียบเสียเปรียบโดยที่ไม่ทันสังเกต

จุดที่สี่เป็นเรื่องที่มองไม่เห็นในกล้อง แต่มองข้ามไม่ได้สำหรับเกมการตลาดก็คือ คอนเนคชั่น
ในบ้านเรา ใครรู้จักคนมากกว่า กว้างขวางกว่า ถือว่ามีส่วนสำคัญยิ่งในการเดินเกมการตลาดครับ
รวมถึงการตลาดทุกที่ สายสัมพันธ์จึงเป็นเรื่องที่ธุรกิจให้ความสำคัญอย่างมาก

สายสัมพันธ์ที่มีนั้นถ้าเปรียบเทียบแบบเบาๆแล้ว ระหว่าง ทีม 2 ที่มีน้ำฝนเจ้าถิ่นที่เคยอยู่เชียงใหม่
แล้วยังบวก ดีเจ ที่เคยดูแลงานพืชสวนโลกในเชียงใหม่ แล้ว เมื่อเทียบกับดิวที่เรียนจบ มช.มาหลายปี
ยังมีระยะห่าง และระดับคอนเนคชั่นในจังหวัดที่แตกต่างกันพอสมควรระหว่างสองทีม
ในระดับเนื้องานแล้ว ย่อมทำให้ได้เปรียบบ้าง แต่ผลรวมทั้งหมดเพราะการบ้านของทีม 2 รวมทั้งหมดเป็นตัวส่ง

รายละเอียดที่น่าสนใจก็คือ ใครเป็นคนคิดกลยุทธด้านโปรโมชั่นบ้าง น่าเสียดายที่กล้อง ภาพและการเล่าเรื่อง
ไม่ได้บอกเล่าให้เรารู้จักไอเดียความคิดของแต่ละคน นอกจากภาพรวมกว้างๆที่ไม่มีรายละเอียดมากนัก
ถ้าได้เห็นมากขึ้นก็คงจะดี

ที่น่าชมเชย คือ ไอเดียประยุกต์ใช้แป้งกับสงกรานต์ การนำเสนอเทรนในการใช้แป้งสินค้าในงานสงกรานต์
ที่จริงสามารถขยายผลได้อย่างน่าสนใจและเปิดช่องทางการตลาดได้ช่องทางใหญ่ทีเดียว
ลองคิดถึงการเล่นสงกรานต์ที่นิยมเอาสินค้าไปใช้ในการเล่นสงกรานต์แทนผลิตภัณฑ์เดิมๆ
ถ้าเป็น เขต พื้นที่ เป็นจังหวัด เป็นความนิยมที่ลงตัวขึ้นมาเมื่อไหร่ และการตอกย้ำไอเดียเอาแป้งมาใช้ได้ผล
น่าสนใจว่าเทรนนี้จะสร้างยอดขายในเทศกาลได้สักเท่าไหร่ทีเดียว

แต่แค่วันเดียว ไอเดียนี้ แค่นับว่าเป็นกลยุทธที่น่าเสียดายเท่านั้นเอง

ดิวโดดเด่นมากในภารกิจนี้ ส่วนหนึ่งผมว่าเขาขึ้นกล้อง มาดดี และดูเท่
ส่งผลให้จุ๋มดูเป็นธรรมชาติและเข้าตาคนดูมากขึ้น

ทีมสาวหัวฟู 3 คน น่าจะเข้าบัดดี้กันได้มากขึ้นในเกมนี้ด้วย
เพราะเห็นหน้า และต้องเข้าทีมกันตลอด แม้ผมจะสงสัยว่า
นักการตลาดจำเป็นต้องลงไปเล่นเองด้วยหรือ แต่อีกแง่
คิดอย่างเอ็นดู ก็คิดว่าประสบการณ์แบบนี้หาไม่ได้ง่ายนัก
มีโอกาสทำก็ทำไปเถอะ ไม่ใช่ว่าจะได้เล่นได้ทำกัน
น่าจะเป็น Memory และประสบการณ์ที่ดี

นุ้ยเข้าตาตั้งแต่เทปที่แล้ว ดูเรียบๆแต่เอาจริง
ส่วนเจนกล้องถ่ายภาพให้เห็นบทบาทในตอน PR ผ่านคลื่น
และในงาน ซึ่งที่ขาดไป คือ ความสดในการทำกิจกรรมจนเห็นได้ชัด
และนั่นอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เมื่อทีมต้องเลือกคนที่มีส่วนร่วมน้อยที่สุด

ส่วนตัวผมว่าน่าเสียดาย ถ้า เจน มีโอกาสได้แสดงความสามารถมากกว่านี้ก็จะดี

อย่างว่า สถานการณ์ และจังหวะ นี่แหละตัดสินชะตาของคน

สิงที่สำคัญเรื่องหนึ่ง ในเกมการตลาด ถ้าหากรายการมุ่งให้เห็นว่าเป็นเกมแล้ว
สิ่งที่จะต้องยอมรับก็คือกลไกการปกป้องตัวเองของแต่ละคน จะทำให้เกิดการเข้ากลุ่ม

กลุ่มหรือบัดดี้ที่เข้ากันได้ คุยถนัดที่จะให้ความร่วมมือกันได้สนิทใจ จะเป็นกลไกเฟดคนที่ไม่อยู่ในกลุ่มออกไปเรื่อยๆ
ซึ่งเราจะเห็นได้จากรายการเรียลลิตี้แบบไซไวเวอร์ และบิ้กบราเธอร์

การเข้ากลุ่ม มักสร้างความอุ่นใจและลดคนที่คิดจะโหวตตัวเองออกไปได้อย่างน้อยคนหนึ่ง
ซึ่งหมายถึงลดโอกาสที่จะถูกเสนอชื่อจากทีมลง

แน่นอนในเทป 2 เราก็จะเริ่มเห็นได้ชัดแล้วว่ากลไกข้อนี้กำลังทำงาน
และอยากให้ลองสังเกตกันต่อไป

ฝั่งทีม 2 จิ๊บและติกดูเข้าขากันดี รวมถึงบู๋ และดีเจ ซึ่งนั่นหมายถึงว่าน้ำฝน
อาจโดดเดี่ยวกว่าที่คิด และโจทย์สำคัญที่จะอยู่รอดในเกม คือการมีบทบาทในทีมมากพอ
จนทุกคนในทีมต้องยอมรับ

เกมนี้ฝ่ายชายดูเข้าขากันดีทีเดียวครับ เป็นเงื่อนไขที่ฝ่ายหญิงเสียเปรียบ
(แต่ตัวแปรอยู่ที่กรรมการ กำหนดทีมใหม่ได้ครับ)

ในขณะที่อีกฝั่งถ้าสังเกตว่าจุ๋มถูกเสนอชื่ออย่างเงียบๆยืนพื้นอยู่จากใครคนหนึ่ง
ก็น่าคิดว่าถ้ามีเสียงบวกเข้ามาเมื่อไหร่ จุ๋มอาจจะยืนแป้นถูกเสนอชื่อในครั้งต่อไปก็ได้

แต่อย่างไรก็ตามถ้าหากเทปที่สามจับทุกคนแยกทีมเสียใหม่ เราก็อาจจะได้เห็นการปรับเปลี่ยน
ของเกมอย่างน่าสนใจมากขึ้น เพราะนอกเหนือจากการตลาดที่เป็นโจทย์ในภารกิจแล้ว
ความสัมพันธ์ในเกมก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ทำให้เกิดตัวแปร

เงื่อนไขสุดท้ายจะมาจบลงที่ความเห็นของกรรมการภาคสนาม และกรรมการตัดสิน

หากเราติดตามในแง่มุมนี้แล้ว ทั้งภารกิจการตลาด ที่ลุ้นกันสุดๆ
พร้อมๆการติดตามความสัมพันธ์ของแต่ละคนในแต่ละภารกิจ
ถ้าหากกล้องถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ออกมาให้เราชมอย่างน่าติดตาม
คงเริ่มมีหลายคนเชียร์ และใจจดใจจ่อกับผู้เข้าแข่งขันบางคนแล้วล่ะครับ

3 Comments

  1. สิ่งที่แตกต่างก็คือ ผมว่ามุมมองของเกมถูกถ่ายทอดอีกชั้น
    ถ้าเป็นเรียลลิตี้สมบูรณ์แบบ จะถ่ายทอดเรื่องราวทั้งหมดได้ดีกว่านี้

    แต่อย่างว่า ทำแบบนี้กำไรแล้ว รายการคงไม่หาเรื่องแบกต้นทุนเพิ่ม

  2. Jenn P.

    Dear Khun Geranun,

    Hope all is well.

    It’s Jenn who got kicked out last week ka.
    I’ve just got some free time off today to surf through the web (Yeah, It’s been busy like crazy at work).

    You’re right!
    I wish i can stay just little longer.
    So that i can do more 🙁
    Thou, just like you mentioned up there, สถานการณ์ และจังหวะ นี่แหละตัดสินชะตาของคน.

    Good news, I’ve got a job offer right after i got off the game.
    Fancy one. It is my dream job, ever! Perfect timeing, really.
    What a fate!

    The game was fun and i enjoyed it so much.
    You know, unbelievable experience.
    I will miss everything about the game.

    I cant wait to see game3.
    It is going to be fun and challenging.

    Will keep in touch naka.

    ;>

    Best,
    Jenn P.

    PS. will be watching Game3 on my vacation in Phuket!!!!!!!!!!

  3. หมื่นเทพยุทธเจ็ดราชันต์

    มารออ่านอยู่ครับ
    ผมแว่บไปเว็บเกมกลยุทธมา มีคำโปรยเรื่องเผยธาตุแท้

    ถ้าอ่านทางล่วงหน้าผมว่าน่าจะเป็นการจับนิสัยเฉพาะตัวมาเล่นมากกว่า
    เพราะไม่มีรายการไหนทำลายผู้เข้าแข่งขันหรอก

    แปลกใจปีนี้เว็บบอร์ดเกมกลยุทธเข้าไม่ได้
    แต่ว่าคุยแชทสดมันสนุกกว่ากันเยอะ เลยไม่สนใจเท่าไหร่
    สมัยนี้เทคโนโลยีมันช่วยให้เราคุยสะดวก

    เว็บบอร์ดเดี๋ยวนี้ผมว่ามันเชยแล้ว เหมาะกับพวกรายงานผลมากกว่า

    อยากให้คุณนันท์วิเคราะห์เจาะกว่านี้สักหน่อย
    เหมือนจะปราณีปราศัยอยู่ยังไงไม่รู้นะ ไม่ค่อยสะใจ
    แต่ว่า ไปอ่านของน้องฝัน ในพันทิปโอเคอยู่
    เสียดายผมไม่ได้สมัครพันทิป เข้าไปอ่านเฉยๆ

    ยังยืนยันว่าแชทมันกว่า ส่วนตัวกว่า
    และเม๊าท์ได้จัดกว่าครับ

Comments are closed.