อาทิตย์นี้ กรรมการคงต้องการให้คนที่เหลือได้มีโอกาสแสดงบทบาทบ้างครับ
นุ้ย และ เพรม จึงได้ทดลองการเป็นผู้นำของทีมบ้าง
โดยไม่ต้องเสนอตัวเองแบบหวานในอาทิตย์ที่แล้ว
ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี เพราะเราจะได้ศึกษาในด้านการตลาดบ้าง
หลังจากมีเคสให้ได้เรียนรู้เรื่องทีมมาแล้วในอาทิตย์ที่แล้ว (ครั้งเดียวก็พอ)
การเปิดโอกาสให้ทีมแพ้คราวที่แล้วเลือกก่อน ที่จริงไม่มีผลอะไรมากนัก เพราะที่จริงก็เหมือนทีม 2 ดึงตัวทีมจากทีม 1 ไป 1 คน เพียงแต่จะเป็นใครเท่านั้น และนอกจากนั้นที่เหลือก็ยังเป็นทีมเดิม
ทีม 2 ที่ประกอบด้วย พีค ต้นอ้อ และหวาน ในอาทิตย์นี้ต่างจากอาทิตย์ก่อนมากครับ ทั้งหมดมองหน้า มองตากันแบบคนทำงาน
และพร้อมที่จะทุ่มเทเต็มตัวเพื่อแก้มือ รวมทั้งถ้าสังเกตจากเทปการแข่งขัน จะเห็นได้ว่าการประสานความร่วมมือเป็นไปด้วยจุดมุ่งหมายร่วมของทีม
บทเรียนของอาทิตย์ที่แล้วทำให้พวกเขาเข้าใจและเติบโตขึ้นหรือเปล่า
ผมอาจตอบแทนไม่ได้
แต่ที่แน่ๆ การพัฒนาการที่เกิดขึ้น
และความทุ่มเทของทีม จะเห็นได้อย่างเด่นชัดในอาทิตย์นี้
และคงตอบอะไรหลายอย่าง ตามที่ผมเคยบอกว่า
เคสเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เป็นเคสที่สำคัญมากสำหรับคนรุ่นใหม่
ที่จะทำความเข้าใจถึงคำว่าประสิทธิภาพของทีม มากกว่าการเล่นการเมืองในทีม
ขณะเดียวกัน ในด้านตรงข้ามเอฟเฟกซ์ใกล้เคียงกับอาทิตย์ที่แล้ว กลับไปเกิดขึ้นกับทีมแรก
ดังจะสังเกตได้ว่ามีเกมการเมืองเล็กๆเกิดขึ้น โดยการจับกลุ่มของคู่ เอกและนิ้น
ผลการเสนอชื่อที่ 3 คนในทีมโหวต แคนดี้
แทนที่จะกระจายคละๆ กันไปตามเนื้อผ้า ตามสิ่งที่น่าจะเป็น
ทั้งที่ทุกคนในทีมต่างมีส่วนผิดพลาดที่ต้องรับผิดชอบของตนเอง
ทั้ง นุ้ย ในฐานะหัวหน้าทีม แคนดี เอก นิ้น เองก็มีส่วนรับผิดชอบที่วางแผนพลาดเช่นกัน
จนอาทิตย์นี้เรียกได้ว่าพอเริ่มต้นภาคสนาม
คนดูก็แทบจะทายได้เลยว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร
(ที่จริง อาจเลี่ยงเลือกแคนดี้ แทนที่จะเลือกนุ้ย อาจเพราะเกรงว่าถ้าเลือกนุ้ยแล้ว อาจจะซ้ำรอยเหมือนอาทิตย์ที่แล้วก็ได้)
ในอาทิตย์นี้จึงเป็นบทเรียนมุมกลับของการโหวตในอาทิตย์ที่แล้วครับ
สิ่งที่บอกได้อย่างนึงในช่วงเวลาตัดสินนั่นก็คือ
เหตุผลที่สมเหตุผล และผ่านการไตร่ตรองดีแล้ว
คือเหตุผลที่กรรมการรับฟัง
และเกมการเมืองในทีม มักเป็นจุดที่กรรมการมักใช้เป็นจุดย้อนกลับ สำหรับทีมที่แพ้เสมอ
ด้วยเหตุผลที่เหมือนผู้ใหญ่กำลังสอนเด็กรุ่นต่อไปให้เข้าใจบทเรียน
เพื่อที่จะได้พัฒนาตัวเองต่อไปในอนาคต
ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เพราะถ้าเป็นผม และเจอน้องๆเหล่านี้
ผมก็คงอยากให้เค้าให้เห็นจุดที่เขามองข้าม เพื่อที่จะได้เติบโต
กระทุ้งจุดที่เขาละเลย และโดยเฉพาะบทเรียนเกี่ยวกับทีม ที่สำคัญในการทำงานร่วมกัน
เพราะบ้านเรามักชินกับการเก่งคนเดียว หรือเก่งเป็นกลุ่มย่อยๆที่คุยถูกคอกันบ่อยๆ
ทำให้ระบบทีมในเมืองไทย ค่อนข้างขาดพื้นฐานที่สำคัญ และขาดแบบอย่างให้คนรุ่นใหม่เรียนรู้
แคนดี้ อาจจะไม่เคยมีประสบการณ์การตลาดในสนามต่างจังหวัดเหมือนกันครับ
เพราะฉะนั้นแม้จะทุ่มเทแค่ไหนก็ตาม เมื่อเกมอยู่ในรูป 4 ต่อ 10 กว่าคน
ผลลัพธ์ก็คือ กลายเป็นแรงกดดัน สำหรับเพื่อนๆคนอื่นๆในทีม
ที่จริงแล้ว เกือบทุกคนในการแข่งขัน
น่าจะได้เข้าใจในเรื่องของสนามการตลาดมากขึ้น จากภารกิจนี้
เพราะการตลาดแม้จะวางแผนมาจากโต๊ะประชุมในบริษัท
แต่สนามปฎิบัติการคือคำตอบของการพิสูจน์แผนบนโต๊ะ
การลงภาคสนาม โดยเฉพาะสนามต่างจังหวัด ไม่ใช่เรื่องง่าย
และมือทองการตลาดในกรุงเทพฯ
เคยตกม้าตายมาหลายคนแล้ว ถ้าไม่มีพี่เลี้ยงช่วยสนับสนุน
บางคนกว่าจะเรียนรู้และจับทางถูก บางทีก็ถึงกับร้อง(โอ้ก)
สิ่งที่สำคัญก็คือ พฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายในต่างจังหวัด ต่างกับในเมือง
และคนที่ไม่มีประสบการณ์ในสนามต่างจังหวัดมาก่อน อาจนึกไม่ถึงในหลายๆเรื่อง
ยิ่งถ้าไม่เคยลงพื้นที่ หรือไม่ได้เป็นคนในพื้นที่ อยู่แต่กรุงเทพฯ ล้วนๆ
ก็จะได้เรียนรู้ หลังจากได้สัมผัสภาคสนามในต่างจังหวัดสักครั้ง
เอกที่เก่งในด้านครีเอทีฟ และนิ้นที่เป็นอาจารย์ รวมถึงนุ้ย ที่อยู่ในแวดวงข่าวการตลาด
คงคิดไม่ถึงว่าสนามการตลาดภาคสนามในต่างจังหวัดนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด
แคนดี้เอง ก็น่าเชื่อว่าไม่เคยมีประสบการณ์ภาคสนามต่างจังหวัดมาก่อน
แต่ก็น่าสนใจทีเดียวกับข้อเสนอที่ยังคิดไปถึงเรื่องของการแตกไลน์ เพิ่มกำลังพลเพื่อรองรับการลงภาคสนาม
แม้ข้อสรุปของทีมจะไม่ได้นำมาใช้
สิ่งที่น่าเสียดายของทีมนี้ คือ
ในสนามแรก ก็เคยมีประสบการณ์กับการแตกไลน์เพิ่มกำลังพลมาแล้ว
แต่กลับมองข้ามไปในสนามนี้อย่างไม่น่าพลาด
และเป็นจุดที่ทำให้ผลลัพธ์เกิดความแตกต่างในที่สุด
ระหว่าง 10 กว่า คนของทีม 2 กับ 4 คน ของทีม 1
ในระยะเวลาที่เท่ากัน ผลลัพธ์ที่ได้ย่อมแตกต่างกันแน่นอนครับ
ยิ่งกลยุทธของฝ่ายหนึ่งรุกเข้าไปในพื้นที่ของกลุ่มเป้าหมาย
มุ่งเดินเจาะถึงพื้นที่แต่ละจุด พร้อมใช้กำลังสนับสนุนรถแห่ด้วยแล้ว
เปรียบเทียบกับการตั้งรอกลุ่มเป้าหมายของทีม 1
และกลยุทธคาราโอเกะที่ลืมนึกถึงพฤติกรรมของคนต่างจังหวัด
ตั้งแต่ช่วงเวลาการเดินทางมาชมคอนเสิร์ท ไปจนถึงสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อกิจกรรม
บอกได้คำเดียวว่า ทุกคนในทีมนี้คงจะได้เรียนรู้ประสบการณ์ที่มีค่ากลับไปใช้ในอนาคตแน่นอน
สำหรับทีม 2 ในสัปดาห์นี้ เรียกได้ว่า เต็มร้อยกับทีม
และได้ทุ่มเทตัวเองเข้าไปในงานเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพของทีมมากที่สุด
ทั้ง ต้นอ้อ พีค และหวาน เต็มที่จนรู้สึกได้
เรียกได้ว่า นี่คือเคสตัวอย่าง ของการทำงานอีกรูปแบบหนึ่ง
แบบอย่างของการทำงานในลักษณะของทีม ที่คนทำงานในทีมควรจะต้องทำความเข้าใจ
และทีมไหนที่เข้าใจข้อนี้แล้ว ย่อมขับดันประสิทธิภาพออกมาได้มากกว่า
เพรม ถือว่าจังหวะดีมากที่ได้ร่วมทีม
กับทีมที่กำลังตระหนักถึงความทุ่มเทในงานแบบนี้ครับ
การสู้อย่างเต็มกำลังของทีม ช่วยให้การนำทีมของเพรมเป็นไปอย่างราบรื่น
นอกจากนั้นในอาทิตย์นี้กลับแตกต่างจากอาทิตย์ที่แล้ว
เพราะในอาทิตย์นี้ผมเห็นว่า หวาน เป็นประโยชน์ต่อทีมมาก
และเชื่อว่ามุมมองของทีม 2 ของ ต้นอ้อ และพีค รวมถึง ตี้
ก็คงจะเริ่มเข้าใจบทบาทของคนในความหลากหลายของสนามการตลาดมากขึ้น
ว่าทุกคนมีด้านถนัดและพื้นฐานในด้านการตลาดไม่เหมือนกัน และไม่เท่ากัน
ในด้านหนึ่ง หวานอาจจะทำให้ทุกคนต้องตอบคำถามหวานบ่อยๆ
แต่ หวานก็เป็นประโยช์น ในอีกด้านของการตลาด อย่างมาก
ที่จริงแล้วอาจบอกได้ว่าที่เหลือในการแข่งขันทั้งหมด
มีแต่หวานเท่านั้นที่เคยผ่านประสบการณ์ภาคสนามในสนามต่างจังหวัดมา
และภารกิจสัปดาห์นี้น่าจะเป็นด้านที่หวานถนัดจริงๆ
สังเกตได้จากความเป็นงานที่รู้ว่าในภาคสนามนี้จะต้องทำอะไรบ้าง
ของที่นำมาแจกอย่างพัดลม เครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงลักษณะการใช้คูปอง
ลงตัวครับกับสนามต่างจังหวัด
เรื่องพวกนี้ถ้าไม่มีประสบการณ์สนามจริง ผมตอบได้เลยว่าไม่รู้หรอก
พฤติกรรมของคนต่างจังหวัดนั้นมีลักษณะเฉพาะ
แม้กระทั่งคนที่ชำนาญในสนามการตลาดต่างจังหวัดจริงๆ
ยังต้องใช้เวลาเรียนรู้จากประสบการณ์จริง
อะไรที่คนต่างจังหวัดจะเล่นด้วย และอะไรที่ไม่เล่น
ต้องสัมผัสด้วยประสบการณ์ ณ พื้นที่จริงๆ เท่านั้น
ถึงจะซึมซับเข้าใจไปถึงเนื้อกระดูก
สิ่งที่ผมชอบในสัปดาห์นี้ คือ ผู้เข้าแข่งขันทุกคนจะได้เรียนรู้ว่า
ภาคสนามในต่างจังหวัด คือการตลาดที่มีส่วนสำคัญต่อสินค้าเช่นกัน
และเป็นพื้นที่ของกลุ่มเป้าหมายมากกว่า 50 ล้านคนของประเทศไทย
เป็นสนามใหญ่ที่ไม่หะรูหะรา และต้องลงพื้นที่ด้วยความทุ่มเทมากต่อพื้นที่แต่ละจุด
แต่ไม่อาจมองข้ามไปได้เลย ตราบใดที่ยังทำการตลาดในประเทศไทย
เพราะกลุ่มเป้าหมายของสินค้า ไม่ได้มีแค่คนกรุงเทพแค่ สิบกว่าล้านคนเท่านั้น
กิจกรรมการตลาดแบบนี้ มีส่วนสำคัญมากในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
และการกระตุ้นการขายสินค้าครับ เป็นการตลาดเชิงรุกเข้าถึงพื้นที่ ที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมออีกต่างหาก
M 150 เองก็เคยลองผิดลองถูก กับการทดลองกลยุทธหลายแบบ ปี 2528 เขาเคยเริ่มต้นกลยุทธหลักโดยใช้ Celebrity (เขาทราย)
ช่วงแรกๆ เน้นไปทางกีฬา โดยเฉพาะมวย ได้ส่วนแบ่งการตลาดมาเพียง 4%
แต่ การเล่นกับกีฬาดูเหมือนน่าจะเป็นทางเลือกเดียวในยุคนั้น และตรงเป้า
แต่ทันทีที่จับทางถูกกับ Music Marketing เขาก็ได้ตระหนักทันทีว่ามีช่องทางที่คิดไม่ถึงอยู่ และจากนั้นเป็นต้นมา Music Marketing ก็กลายเป็นแนวการตลาดหลักสำหรับการรุกถึงกลุ่มเป้าหมายทุกที่ในต่างจังหวัด
ไม่ใช่แค่รุกไปถึงระดับจังหวัด แต่เข้าถึง อำเภอ ตำบล เลยทีเดียว เพื่อสร้างฐานการตลาด
M150 สามารถรุกไล่คู่แข่งมาได้จนถึงทุกวันนี้ จนกลายเป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง
ด้วยส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 40-50% จากมูลค่าตลาดรวม
ระหว่างการเริ่มต้นส่วนแบ่งการตลาดของ M 150 ที่ 4% กับ 40-50% ในปัจจุบัน (ยอดประมาณการแบบไม่ใช่ก็ใกล้เคียงนะครับ)
ขณะที่กระทิงแดงเหลืออยู่ที่ประมาณ 20% แถมคาราบาวแดงซัดไปซะ 20% นั้นเจ็บลึกสำหรับกระทิงแดงครับ
เคสนี้จึงเป็นตัวอย่างศึกษาเรื่องหนึ่ง เพราะการตลาดเชิงรุกของ M150 นั้นซึมเงียบ
กว่าที่ทางกระทิงแดงจะตระหนัก และรู้ตัวก็เสียแชมป์ไปแล้ว
เพิ่งจะมากลับลำทุ่มงบการตลาดถึง 500 ล้านบาทก็ในปี 2545 นู่น
แถมยกล่าสุดที่เราจะเห็นอีก ก็คือการชนอย่างเต็มตัวของ M150 ในตลาดโลก(พ่วงshark ด้วย)
(สนามนี้ที่จริงไม่น่าหมูนะครับ เพราะไม่ได้ชนแค่ red bull ยังมีอีกหลายเจ้าแข็งๆในตลาด)
เผลอๆ ผมว่าคนที่ชนะในเกมนี้คงจะได้ดูตลาดต่างประเทศนี่แหละ
ตัวอย่างของ M150 ถ้าศึกษาให้ดีจะเห็นถึงสิ่งที่ทุกคนตระหนักดีว่า
บางครั้งต่อให้เก่งยังไงก็ต้องลองผิดลองถูกกับการตลาดเหมือนกัน
เพียงแต่นักการตลาดที่เก่งสามารถวิเคราะห์ช่องทาง และหาทางไปต่อได้จากประสบการณ์การตลาดที่เกิดขึ้น
ไม่มีความพ่ายแพ้ที่แท้จริงของสนามการตลาด และก็ไม่มีวันหยุดสำหรับนักการตลาดในสนามแข่งขัน
เพราะฉะนั้น จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมในสนามจริง
แม้การไม่ประสบความสำเร็จตามเป้าจะเป็นเรื่องที่คนที่ทำงานต้องรับผิดชอบก็จริง
แต่ความรับผิดชอบนั้นจะมุ่งไปที่การตั้งคำถามว่าแล้วคุณจะทำอย่างไรต่อไปในเกมการตลาด
มุ่งหาคำตอบและทางออกเพื่อกลับไปรุกใหม่
เพราะฉะนั้นเมื่อ นุ้ย กับ แคนดี้ ขึ้นแท่น
คำตอบที่แตกต่างระหว่างทั้งคู่ จากประสบการณ์พื้นฐานด้านการตลาด ที่สอดคล้องกับการตลาดจริงๆ และถ้าประเมินจากคำตอบของแคนดี้ กับเคสของ M150 แล้ว จึงเป็นคำตอบของผลลัพธ์ ในเทปนี้ โโยไม่ต้องอธิบายอะไร
สำหรับ นุ้ย เอง ภารกิจนี้ถือว่าอยู่ในภาวะที่เสียเปรียบเพรมอย่างชัดเจนครับ
ฝั่งนี้เชื่อได้จริงๆ ว่าทีม 1 คาดการณ์ไม่ถึง เพราะขาดประสบการณ์ภาคสนามจริง
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องเรียนรู้สักครั้งนึงถึงจะเข้าใจ
พูดถึงตรงนี้แล้ว สำหรับนักการตลาดหลายๆคนที่เคยทำการตลาดสนามต่างจังหวัด
คงจะจำได้ถึงวันแรกของประสบการณ์ในสนามต่างจังหวัด ว่าตนเองได้เรียนรู้อะไรบ้าง
และวันนี้ได้ประโยชน์อะไรจากการเรียนรู้เหล่านั้น
แต่สำหรับคนรุ่นใหม่ในสายการตลาด อย่าลืมหาโอกาสสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้งครับ
มันมีส่วนสำคัญในการเติมพัฒนาการด้านการตลาดของคุณให้ครบเครื่องจริงๆ ครับ
และจะมีประโยชน์มาก ถ้าคุณต้องดูแลการตลาดขึ้นมาจริงๆ
หวังว่าสรุปในแต่ละอาทิตย์ จะมีประโยชน์ ต่อ เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ที่มาอ่านทุกคนครับ
ส่วนไหนที่บกพร่อง ขอน้อมรับคำชี้แนะด้วยความสุจริตใจ