One Comment

  1. จอห์น​ ​แนช​ (John Nash) ​เจ้าของรางวัลโนเบล​ ​เจ้าของทฤษฏี​เกม​ ​และ​เคย​เป็น​บ้า​!

    เคยดูหนังเรื่อง​ A Beautiful Mind ​ไหมครับ​ ​ตัวเอกของเรื่อง​เป็น​ผู้​คิด​ค้น​ทฤษฏี​เกมส์​ ​ซึ่ง​เปลี่ยนมุมมองของทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์​ ​รวม​ทั้ง​อธิบาย​ด้วย​ว่าทำ​ไมตำ​รวจมักแยกห้องสอบสวน​ผู้​ต้อง​หา​ ​แน่นอน​เขา​เป็น​อัจฉริยะ​ ​งานของ​เขา​ยัง​ใช้​อย่างกว้างขวาง​ใน​การอธิบาย​และ​คาดการณ์พฤติกรรมขององค์กรธุรกิจ​ ​แต่​เขา​เคย​เป็น​บ้า​ ​ชีวิตของ​เขา​ยัง​ทำ​ให้​เกิดคำ​ถามของคำ​ว่ารักแท้​กับ​พรหมลิขิต​ (Destiny) ​ไว้​ด้วย

    __________________________________________________________________________

    จาก​หนังสือเรื่อง​ “คนเพี้ยน​ผู้​เปลี่ยนโลก”

    คุณเคย​ได้​ยินมั้ยว่า​…​บางครั้ง​ความ​เป็น​อัจฉริยะ​ ​กับ​ความ​บ้า​ ​มันมี​เพียงแค่​เส้นใยบางๆ​ ​เท่า​นั้น​ที่กั้นกลาง​อยู่​ ​หากฝ่าย​ใด​ฝ่ายหนึ่งเผลอล้ำ​ข้ามแดนข้ามไป​ ​เหตุการณ์ต่างๆ​ ​มันอาจพลิกผันไปอย่าง​ไม่​รู้​เนื้อรู้ตัว

    มันก็​เหมือน​กับ​เหรียญที่มีสองด้าน​ ​หากพลิกผิดด้านอัจฉริยะบุคคลอาจกลาย​เป็น​คนบ้า​ไป​ได้​ใน​เวลา​เพียงเสี้ยววินาทีก็​ได้​ครับ

    ใน​ทางกลับ​กัน​…​ใคร​จะ​รู้ว่าสิ่งที่คนบ้าพร่ำ​เพ้อละ​เมอเพ้อพกออกมา​นั้น​ ​มันอาจ​จะ​เป็น​สูตร​ใหม่​ทางวิทยาศาสตร์ที่​ยัง​ไม่​เคยมี​ใคร​ค้น​พบมาก่อน​ ​และ​สามารถ​สร้างประ​โยชน์​ให้​โลกใบนี้​ได้​อย่างอเนกอนันต์ก็​เป็น​ได้

    ใน​ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา​นั้น​มีอัจฉริยะบุคคลหลายท่านที่ก้าวเฉียด​ความ​บ้ามา​แล้ว​ ​บางท่าน​ได้​สร้างสรรค์ผลงานเอา​ไว้​มากมาย​ ​แต่สุดท้ายก็​ต้อง​ยอมพ่าย​ให้​ความ​วิกลจริตที่มาครองงำ

    เฉกเช่นเดียว​กับ​นักวิทยาศาสตร์ชื่อก้องโลก​ผู้​นี้​ ​จอห์น​ ​ฟอร์บส์​ ​แนช​ ​จู​เนียร์​ (John Forbes Nash JR.) ​อัจฉริยะ​เจ้าของรางวัลโนเบล​ ​ผู้​เคยบ้ามา​แล้ว​ ​เขา​เพี้ยนหลัง​จาก​ที่​ได้​คิด​ค้น​ทฤษฏี​เกมส์​ซึ่ง​เป็น​คณิตศาสตร์​เกี่ยว​กับ​การแข่งขัน​ ​ซึ่ง​ทฤษฎีของ​เขา​ได้​หักล้างทฤษฎีของ​ ​อดัม​ ​สมิธ​ ​ผู้​เป็น​บิดาของเศรษฐศาสตร์ยุค​ใหม่​โดย​สิ้นเชิง

    พูดง่ายๆ​ ​ว่าทฤษฎีของจอห์น​ ​แนช​ ​สามารถ​หักล้างทฤษฎีที่​ได้​รับการยอมรับ​จาก​คน​ทั่ว​โลกมากกว่า​ 150 ​ปี​ ​เป็น​การสร้างปรากฏการณ์​ใหม่​ที่​ไม่​มี​ใครคาดคิด​ ​และ​ถัด​จาก​นั้น​ชีวิตของจอห์น​ ​แนช​ ​ก็ถูกเปลี่ยนแปลงไปชั่วนิรันดร์

    จริงๆ​ ​แล้ว​คุณอาจ​จะ​ไม่​เคย​ได้​ยินชื่อนักคณิตศาสตร์​ผู้​นี้มาก่อนเลยก็​ได้​ ​หาก​ไม่​มีการสร้างภาพยนตร์​เรื่อง​ A Beautiful Mind ​ขึ้นมา​และ​เข้า​ฉาย​ใน​ปี​ 2002

    ต้อง​ยอมรับว่าภาพยนตร์​เรื่องนี้คว้ารางวับมาอย่างท่วมท้น​ ​เป็น​หนังที่บอกเล่าประวัติของจอห์น​ ​แนช​ ​ให้​คน​ทั่ว​โลก​ได้​รู้จัก​เขา​ ​ได้​รู้ว่านักคณิตศาสตร์​ผู้​เคย​เป็น​บ้าอย่าง​เขา​ได้​ทำ​อะ​ไร​ให้​กับ​โลกนี้บ้าง​ ​หลัง​จาก​หนัง​เข้า​ฉาย​ได้​ไม่​นาน​ ​ผลที่ตามมาคือมันกลาย​เป็น​ภาพยนตร์ที่สร้างชื่อ​ให้​ ​จอห์น​ ​แนช​ ​โด่งดังไป​ทั่ว​โลก​ใน​ระยะ​เวลาอันรวด​เร็ว

    ใน​ชีวิตจริง​นั้น​ ​ด้วย​ความ​เป็น​อัจฉริยะที่หาตัวจับ​ได้​ยาก​ ​ทำ​ให้​ ​จอห์น​ ​แนช​ ​คว้ารางวัลโนเบลไปครอง​ด้วย​ความ​ปีติ​ ​จาก​ความ​เก่งกาจที่​เขา​สามารถ​คิด​ค้น​ทฤษฎี​ใหม่ๆ​ ​ที่​ไม่​มี​ใครมองเห็น

    ใน​ชีวิตมายาของ​ ​รัสเซลล์​ ​โครว์​ ​ผู้​รับบท​เป็น​ ​จอห์​ ​แนช​ ​ก็ทำ​ให้​เขา​ได้​รับรางวัลนักแสดงนำ​ยอดเยี่ยม​จาก​หลากหลายรางวัลระดับโลก

    เป็น​ความ​สำ​เร็จที่​ไม่​มี​ใครอยากปฏิ​เสธว่ามันเกิดขึ้น​เพราะ​คนเคยบ้าอย่าง​ ​จอห์น​ ​แนช​!!

    หลัง​จาก​ภาพยนตร์​เรื่อง​ A Beautiful Mind ​เข้า​ฉาย​ ​ก็มี​เสียง​จาก​นักวิจารณ์​และ​สตูดิ​โอสร้างหนังที่​เป็น​คู่​แข่ง​ให้​เสียงติติงว่าหนังเรื่องนี้จงใจ​ไม่​นำ​เสนอ​ความ​จริงเกี่ยว​กับ​ชีวิตของ​ ​จอห์น​ ​แนช​ ​ไม่​ว่า​จะ​เป็น​เรื่องแนช​ ​เป็น​เกย์​ ​เคยมี​ความ​สัมพันธ์​กับ​ผู้​ชาย​ ​แอนตี้ยิว​ ​และ​ทำ​ผู้​หญิงท้อง​แล้ว​ไม่​รับผิดชอบ

    พวก​เขา​เห็นว่าทาง​ผู้​กำ​กับ​คือ​ ​รอน​ ​โฮเวิร์ด​ ​ได้​เลือกที่​จะ​เสนอแต่​เรื่องราว​ใน​ด้านดีๆ​ ​ใน​ชีวิตของนักคณิตศาสตร์อัจฉริยะที่ป่วย​เป็น​โรคจิตหลอกหลอน​ ​ตลอดจน​ถึง​ความ​รัก​ ​ความ​เอา​ใจ​ใส่​จาก​ ​อลิ​เซีย​ ​แนช​ ​ภรรยา​ผู้​เสียสละ​ ​จนทำ​ให้​หนังเรื่องนี้กลาย​เป็น​แค่หนังรักเรื่องหนึ่ง​เท่า​นั้น

    แต่​แล้ว​หลายๆ​ ​คนก็​ต้อง​ตกตะลึงอีกครั้ง​ ​เมื่อ​ ​จอห์น​ ​แนช​ ​ตัวจริง​ใน​วัย​ 70 ​กว่าปี​ ​ได้​ออกมา​ให้​สัมภาษณ์​ถึง​ข้อกล่าวหาผ่านรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งว่า​ “ผมทำ​อะ​ไรแปลกๆ​ ​ใน​บางช่วงของชีวิต​ ​มัน​เป็น​เสียงจิต​ใต้​สำ​นึกของผมพูดออกมา​ ​ซึ่ง​ตอน​นั้น​ผม​ไม่​รู้ตัว”

    ส่วน​ภรรยาของแนชก็ออกมาพูดเรื่องที่​ใครๆ​ ​หาว่า​แนช​เป็น​เกย์ว่า​ “ฉันรู้จัก​เขา​ตั้งแต่ฉันอายุ​ได้​ 20 ​ปี​ ​เรื่องแนช​เป็น​เกย์​ไม่​เป็น​ความ​จริงแน่ๆ​ ​ฉันยืนยัน”

    ด้าน​ ​รอน​ ​โฮเวิร์ด​ ​ก็​ไม่​ยอมนิ่งเฉยต่อข้อกล่าวหาว่า​เขา​นำ​เสนอ​ความ​จริง​ไม่​ครบ​ ​เขา​ได้​ออกมา​ไขข้อข้องใจของหลายๆ​ ​คน​ด้วย​เหตุผลที่ว่า​ ​เขา​เลือกเสนอแต่​แง่มุมที่​เขา​คิดว่า​เขา​อยาก​จะ​เสนอ​ ​ที่สำ​คัญ​ ​เขา​ไม่​ได้​สร้างหนังสารคดีประวัติของ​ ​จอห์น​ ​แนช​ ​เพราะ​ฉะ​นั้น​การเลือกเสนอบางอย่างมันก็​ไม่​ใช่​สิ่งที่ผิด

    หลากหลายเหตุผลของพวก​เขา​จึง​ทำ​ให้​กระ​แสการวิพากษ์วิจารณ์​เบาบางลง​ ​แต่สิ่งหนึ่งที่หลายๆ​ ​คน​ไม่​กล้าปฎิ​เสธก็คือ​ ​ภาพยนตร์​เรื่องนี้ประสบ​ความ​สำ​เร็จอย่างถล่มทลาย

    จอห์น​ ​ฟอร์บส์​ ​แนช​ ​จู​เนียร์​ ​คืออัจฉริยะบุคคลของโลก​ ​ผู้​เคยตก​เป็น​ทางของโรคจิตเสื่อม​ (Paranoid Schizophrenial) ​แต่สุดท้าย​เขา​ก็​เอาชนะมัน​ได้​ ​กลับมา​เป็น​คนเดิมอีกครั้ง​ ​เหมือน​ได้​เกิด​ใหม่​บนโลกใบเดิม

    แต่ก่อนเคยมี​ผู้​รู้บอกว่าที่มาของการเกิดโรคจิตเภท​นั้น​ ​มา​จาก​พื้นฐานของคนที่​เคยโดนทุบตี​ใน​วัยเด็ก​ ​ไม่​ได้​รับ​ความ​รัก​ความ​เอา​ใจ​ใส่​จาก​พ่อแม่​ ​เป็น​เด็กที่​โดนทอดทิ้ง​ให้​ใช้​ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว​ ​แต่สำ​หรับ​ ​จอห์น​ ​แนช​ ​เขา​ไม่​ได้​เข้า​ข่ายที่ว่า​เลยแม้​แต่น้อย​ ​ทำ​ให้​แนว​ความ​คิดที่ว่าถูกลบล้างไป​ใน​ที่สุด

    พ่อแม่ของ​เขา​รัก​เขา​มาก​ ​ดู​แลเอา​ใจ​ใส่​เป็น​อย่างดี​ ​แนช​ยัง​จำ​ชีวิต​ใน​วัยเด็กที่​เคยฟังยายของ​เขา​เล่นเปียนโน​ใน​ห้องนั่งเล่นที่บ้านเก่า​แก่บนถนนทาซแวลล์​ได้​อย่างดี​ ​นั้น​แสดง​ให้​เห็นว่า​ความ​ใกล้​ชิด​ใน​ครอบครัว​ ​ซึ่ง​เปี่ยมไป​ด้วย​สายใยแห่งรักของอัจฉริยะ​ผู้​นี้มี​อยู่​อย่างเต็มเปี่ยม

    จอห์น​ ​แนช​ ​เกิดเมื่อวันที่​ 13 ​มิถุนายน​ ​ค​.​ศ​. 1928 ​เชื่อมั้ยว่า​เขา​เกิดหลัง​จาก​พ่อ​กับ​แม่​เขา​แต่งงาน​กัน​ได้​ 4 ​ปีพอดิบพอดี​ ​ตอน​นั้น​ครอบครัวของ​เขา​อยู่​ใน​เมื่อง​เล็กๆ​ ​ที่ชื่อว่า​ ​บลูฟีลด์​ ​รัฐเวสต์​เวอรจิ​เนีย​ ​ประ​เทศสหรัฐอเมริกา

    ใน​วัยเด็ก​เขา​เป็น​เด็กที่​แปลกกว่าคน​อื่นๆ​ ​ชอบครุ่นคิด​อยู่​คนเดียว​ ​จวบจน​เขา​อายุ​ได้​ 8-9 ​ขวบ​ ​บรรดาป้าๆ​ ​ของ​เขา​สังเกตเห็น​ความ​ผิดปกติของ​เขา​ ​ซึ่ง​ไม่​เหมือนเด็กคน​อื่นๆ​ ​ก็คือ​ ​แนชมัก​จะ​ขลุก​อยู่​กับ​การอ่านหนังสือหนังหา​ ​ไม่​เหมือนกัยมาร์ธาน้องสาวของแนชที่​เล่นขี่ม้าก้านกล้วย​ ​เล่นซ่อนหา​กับ​เด็กคน​อื่นๆ​ ​อย่างสนุกสนานตามวัย

    แต่สำ​หรับจอห์น​ ​แนช​ ​การละ​เลยสิ่งเหล่า​นั้น​ไม่​ได้​อยู่​ใน​ความ​สนใจของ​เขา​เลย

    ความ​อัจฉริยะ​ได้​ซ่อนเร้น​อยู่​ใน​ตัวแนชอย่างลึกลับ​ ​แต่มันก็​แสดงออกมา​ให้​เห็น​อยู่​เป็น​ระยะๆ​ ​เพราะ​หลังอาหารเย็น​ ​แนช​จะ​นอนแผ่​อยู่​หน้าวิทยุ​เครื่องเก่ง​ ​เขา​ฟังเพลงคลาสสิค​ ​ฟังการรายงานข่าว​ ​การอ่านสารานุกรม​ ​นิตยสารไลฟ์​ ​และ​ไทม์​ ​เป็น​ความ​สุขที่​ใครๆ​ ​ก็มองว่า​เกินวัย

    แต่นั่นคือสิ่งที่​เขา​ทำ​ใน​วัยเด็ก​ ​และ​หลายๆ​ ​ครั้ง​ ​การอ่านเหล่า​นั้น​ก็นำ​ไปสู่การตั้งคำ​ถามต่างๆ​ ​นานา​กับ​พ่อของ​เขา​เอง

    จนเมื่อแนชอายุ​ได้​ 12 ​ปี​ ​แววแห่ง​ความ​เป็น​อัจริยะ​ ​ของ​เขา​ก็ฉายออกมาชัดเจนยิ่งขึ้น​ ​เมื่อ​เขา​ให้​ความ​สนใจ​กับ​การ​ค้น​คว้าทดลอง​ ​ห้องนอนของ​เขา​ถูกดัดแปลง​เป็น​ห้องแลบอย่างง่ายๆ​ ​ใช้​มันซ่อมวิทยุ​ ​การทดลองทางเคมีต่างๆ​ ​ใน​วัย​นั้น​เขา​ก็สร้างเรื่องน่าตื่นเต้น​ด้วย​การต่อเสียงโทรศัพท์​ให้​ดังขึ้น​ทั้งๆ​ ​ที่​เขา​ยกหูออก

    ใคร​จะ​รู้ว่า​แนช​ผู้​นี้​เคยถูกจับ​ด้วย​ข้อหาที่ฝ่าฝืนกฏออก​จาก​บ้าน​ใน​ช่วงเวลา​เคอร์ฟิว​ ​และ​ด้วย​ความ​คิดแผลงๆ​ ​ของ​เขา​ใน​วัย​ 15 ​ปี​ ​ที่​จะ​สร้างระ​เบิดท่อ​และ​ดินปืนขึ้นเอง​กับ​เพื่อน​ใน​วัยเดียว​กัน​อีก​ 2 ​คน​ ​หลัง​จาก​เล่นแผลงๆ​ ​กัน​ได้​ไม่​นานเหตุการณ์ทุกอย่างก็​ต้อง​ยุติลงอย่างน่า​เศร้า​ ​เมื่อ​ ​เฮอร์​แมน​ ​เคิร์ชเนอร์​ ​หนึ่ง​ใน​เพื่อนร่วมขบวนการของ​เขา​ต้อง​เสียชีวิต​เพราะ​อุบัติ​เหตุระ​เบิดบนตักขณะที่กำ​ลังทำ​ระ​เบิดท่อ​ ​ถึง​ขั้นเส้นเลือดแดงขาด​ ​เสียชีวิต​ใน​รถพยาบาลขณะที่มารับตัว​ ​ซึ่ง​โชคดีที่วัน​นั้น​แนช​ไม่​ได้​อยู่​ใน​ห้อง​นั้น​ด้วย

    เพราะ​ถ้า​หาก​เขา​อยู่​ ​วันนี้อาจ​ไม่​มี​ ​จอห์น​ ​ฟอร์บส์​ ​แนช​ ​จู​เนียร์​ ​เจ้าของรางวัลโนเบลสุดอัจฉริยะก็​เป็น​ได้

    ชีวิตของแนชดำ​เนินมา​เรื่อยๆ​ ​โดย​ที่​ไม่​มี​เพื่อนสนิทเลย​ ​แนชเรียนรู้ที่​จะ​ทำ​หูทวนลมเมื่อ​ต้อง​ถูกพ่อแม่ดุ​เรื่องการเรียน​ ​เขา​เก่งกาจ​ใน​การสร้างเกราะกำ​บังตนเอง​จาก​การถูกคน​อื่น​ตั้งแง่รังเกียจ​ ​สิ่งที่​เขา​ทำ​คือ​เขา​ไม่​แยแส​ ​และ​ตอกกลับ​โดย​ใช้​สติปัญญาอันเหนือกว่า

    จนกระทั่งปี​ ​ค​.​ศ​. 1948 ​จอห์น​ ​ฟอร์บส์​ ​แนช​ ​จู​เนียร์​ ​ก็​ได้​เข้า​เรียนที่มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน​ (Princeton University) ​ซึ่ง​ตั้ง​อยู่​ใน​มลรัฐนิวเจอร์ซีย์​ ​เพื่อศึกษาด้านคณิตศาสตร์

    ใน​โมงยาม​นั้น​ไม่​มี​ใครมองเห็น​ความ​ลึกลับที่ซุกซ่อน​อยู่​ใน​ตัวตนของ​ ​จอห์น​ ​แนช​ ​ผู้​นี้​ ​เพราะ​เขา​ไม่​ได้​มา​จาก​โรงเรียนเตรียมชื่อดัง​ ​หรือ​มี​เงินทองมากมาย​ ​ที่​จะ​พา​เข้า​มหาวิทยาลัยชื่อดังระดับนี้​ ​มี​เพียงอาจารย์​ผู้​ทรงเกียรติที่สุดแห่งพรินซ์ตัน​เท่า​นั้น​ ​ที่​เห็นว่า​เขา​สมควรเรียนที่นั่นที่สุด

    จอห์น​ ​แนช​ ​มา​ถึง​พรินซ์ตัน​ ​ใน​วันแรงงานพอดิบพอดี​ ​ขณะ​นั้น​เขา​อายุ​ได้​ 20 ​ปี​ ​แต่งตัว​ด้วย​เสื้อผ่า​ใหม่​เอี่ยมอ่อง​ ​แบกกระ​เป๋า​เดินทางใบเบ้อเริ่มที่​เต็มไป​ด้วย​เสื้อผ้า​ ​เครื่องนอน​ ​จดหมาย​ ​สมุด​และ​หนังสือที่​เขา​สนใจอีก​ไม่​กี่​เล่ม​ ​ด้วย​ใจอยาก​จะ​ไป​ถึง​ให้​เร็ว​ที่สุด

    เมื่อ​เขา​ไป​ถึง​และ​เห็นอาคารภาควิชาคณิตศาสตร์​ ​มันก็ทำ​ให้​เห็นแต่ภาพของคนระดับสูง​ผู้​มั่งคั่ง​ ​จน​ได้​รับสมญานามว่า​ “​ไฟน์ฮอลล์​เป็น​อาคารภาควิชาคณิตศาสตร์ที่หรูหราที่สุดที่​เคยมีมา​”

    ที่พักของแนชก็​ไม่​ต่าง​จาก​นักศึกษาคน​อื่นๆ​ ​พวก​เขา​พัก​อยู่​ใน​ที่พักของบัณฑิตวิทยาลัย​ ​เป็น​อาคารที่สวยงาม​ ​ก่อสร้าง​ด้วย​หินสี​เทา​เข้มแบบอังกฤษล้อมรอบลาน​ใน​ร่ม​ ​ที่สุดอลังการก็คือ​เป็น​อาคารตั้ง​อยู่​บนยอด​เขา​ที่มองลงไปเห็นสนามกอล์ฟ​และ​ทะ​เลสาบมองไปเห็นสุดสายตา

    และ​มันก็​ไม่​ง่ายที่​จะ​ปรับตัว​ ​ทั้ง​แนช​และ​พรินซ์ตัน​ ​การ​เข้า​สังคม​และ​การ​เข้า​ห้องเรียน​ ​ต่าง​ไม่​มี​ความ​หมายสำ​หรับ​เขา​ ​เขา​มุ่งมั่นสิ่งเดียวคือการ​ค้น​พบทฤษฏี​ใหม่ๆ​ ​เป็น​คนแรก

    นั้น​จึง​ทำ​ให้​คน​อื่นๆ​ ​เห็นว่า​แนช​เป็น​นักศึกษาที่ทำ​ตัวแปลกแยก​ ​ไม่​สนใจเรื่องการ​เข้า​เรียน​ใน​ห้องเรียน​ ​เข้า​สังคม​กับ​ใคร​ไม่​ค่อย​ได้​ ​อยู่​กับ​ตัวเอง​และ​ความ​ครุ่นคิดแปลกๆ​

    เขา​ขอยืมจักรยาน​จาก​ที่จอดหน้าบัณฑิตวิทยาลัย​ ​แล้ว​ขี่วน​เป็น​รูปเลขแปดตัว​เล็กๆ​ ​หรือ​เป็น​วงกลมที่​แคบลงๆ​ ​เขา​เดินเพ่นพ่านไป​ทั่ว​ลานจตุรัส​ใน​ตัวตึก​ ​เขา​ไถลตัวไปตามโถงทางเดินชั้นสองอันมืดสลัว​ใน​ตึกไฟน์ฮอลล์​ ​แนบสนิท​กับ​ผนังเหมือนรถลากที่​ไม่​อยมแยกห่าง​จาก​กำ​แพงมืดๆ​ ​และ​อีกหลายพฤติกรรมที่​เข้า​ใจยาก

    นั้น​คือ​ความ​เพี้ยนที่​ใครๆ​ ​ต่างเห็นตรง​กัน​…​ว่า​เขา​เป็น​คนที่​ไม่​สนใจสังคม​…​หมกมุ่น​อยู่​กับ​ตัวเองแทบ​จะ​ตลอดเวลา

    อย่างที่​ใครๆ​ ​ใน​ยุค​นั้น​ก็ทราบ​กัน​ดีว่าภาควิชาคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน​ ​มีการแข่งขันดุ​เดือด​ ​ต่างคนต่างก็ต่อสู้​และ​ทำ​ทุกอย่างเพื่อ​ความ​สำ​เร็จของตัวเอง​ ​ไม่​เว้นแม้กระทั่งเพื่อนร่วมชั้นของแนช

    อย่างที่​ใน​ภาพยนตร์​ได้​เล่า​เรื่องราวสำ​คัญ​ใน​ชีวิตของแนชว่า​ใน​คืนหนึ่ง​เขา​ออกไปเที่ยวบาร์​กับ​พวกเพื่อนๆ​ ​และ​การที่​เพื่อนๆ​ ​พยายามจีบสาวสวยผมบลอนด์คนหนึ่งที่มี​ความ​โดดเด่นกว่าสาวคน​อื่น​ใด​ ​นั่นทำ​ให้​สะดุด​ความ​สนใจของ​เขา​อย่าง​ไม่​ตั้งใจ

    เมื่อแนชเฝ้าดูการชิงดีชิงเด่นของเพื่อนๆ​ ​สมมติฐานที่​อยู่​ใน​หัว​เขา​มาตลอด​ ​ก็ระ​เบิด​เป็น​ข้อสรปที่ชัดเจน​ ​คำ​ตอบของ​เขา​เรื่องทฤษฏี​เกม​ (Game Theory) ​หรือ​คณิตศาสตร์​เกี่ยว​กับ​การแข่งขัน​ (Non-Cooperative Games) ​นั้น​คือจุดเปลี่ยนที่ทำ​ให้​เขา​เป็น​ดาวแห่ง​ “คณิตศาสตร์​แนว​ใหม่​”

    เขา​ได้​รับการยอมรับ​จาก​นักวิชาการ​ทั้ง​หลาย​กับ​ทฤษฏี​ใหม่​ที่มาหักล้างแนวคิดเก่าๆ​ ​และ​ทฤษฏีของ​เขา​ก็ถูกนำ​มา​ใช้​ประ​โยชน์​ได้​หลากหลาย​ใน​แวดวงของนักคณิตศาสตร์​ ​จนกลาย​เป็น​องค์ประกอบสำ​คัญของธุรกิจ​และ​เศรษฐศาสตร์​ทั่ว​โลก

    หลัง​จาก​ที่​แนช​ได้​แสดง​ความ​เป็น​อัจฉริยะภาพออกมา​แล้ว​นั้น​ ​เขา​ก็​ได้​ตำ​แหน่งวิจัย​และ​สอนที่​ M.I.T. (Massachusetts Institute of Technology) ​อัน​เป็น​สิ่งที่​เขา​ปราถนามาก

    ต่อมา​ ​วิลเลียม​ ​พาร์​เซอร์​ ​ได้​ติดต่อ​ให้​เขา​ไปทำ​งานลับสุดยอด​ ​ใน​การถอดรหัสลับของฝ่ายศัตรู​ ​ซึ่ง​เป็น​ปฏิบัติการ​ใน​ช่วงสงครามเย็นที่มีขึ้นหลัง​จาก​สงครามโลกครั้งที่​ 2

    แนชทุ่มเทตนเอง​ให้​กับ​ความ​พยายามนี้​ ​ขณะที่​ยัง​คงทำ​งานของ​เขา​ที่​ M.I.T. ​ต่อไป​ ​และ​ที่นี่​เองที่ทำ​ให้​เขา​ได้​พบ​กับ​ผู้​หญิงคนหนึ่ง​ ​อลิ​เซีย​ ​ลาร์ด​ ​นักศึกษาวิชาฟิสิกส์​ ​ผู้​ที่​เขา​เองก็​ไม่​รู้มาก่อนว่า​เธอคนนี้​จะ​เป็น​คู่ชีวิตของ​เขา​จวบจนวันที่​เขา​เริ่มบ้า

    จนกระทั่ง​ใน​ปี​ 1957 ​แนช​กับ​อลิ​เซียก็​แต่งงาน​ ​แนช​ยัง​คงทำ​งาน​อยู่​ที่​ M.I.T. ​แต่หลัง​จาก​แนชแต่งงาน​ได้​ไม่​กี่ปี​ ​อาการทางสมองของ​เขา​ก็​เริ่มส่อแววออกมาจน​ได้

    อาการที่ส่อ​ให้​เห็นว่า​แนชเริ่มเปลี่ยน​จาก​คนประหลาดไป​เป็น​คนบ้าปรากฎชัดเจนเมื่อ​เขา​อายุ​ได้​ 30 ​ปี​ ​ตอน​นั้น​เขา​กำ​ลัง​จะ​ได้​เลื่อน​เป็น​ศาสตราจารย์​เต็มขั้น​ ​อาการของ​เขา​เกิดขึ้น​เป็น​ครั้งคราว​โดย​ที่​เพื่อนร่วมงานของ​เขา​คิดว่า​เขา​ล้อเล่น

    แต่​ใน​เช้า​วันหนึ่งท่ามกลางฤดูหนาวของปี​ 1959 ​แนชก็ถือหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส​เข้า​มา​ใน​ห้องสันทนาการ​แล้ว​พูดขึ้นว่า​ ​ข่าวหนึ่งที่ปรากฏ​อยู่​ใน​หนังสือพิมพ์​นั้น​เป็น​ข้อ​ความ​จาก​มนุษย์ต่างดาว​ ​และ​เขา​เท่า​นั้น​ที่ถอดรหัสมัน​ได้

    อาการทางจิตของแนชหนักขึ้นจนสูญเสีย​ความ​สามารถ​ทั้ง​หมดที่มี​ ​กลาย​เป็น​คนบ้าคนหนึ่งที่​ไม่​รู้ว่าทฤษฎีที่​เขา​เคย​ค้น​พบกำ​ลังสร้างคุณประ​โยชน์ต่อระบบเศรษฐศาสตร์​เพียง​ใด

    สุดท้าย​เขา​กับ​อลิ​เซียก็​ต้อง​หย่าขาด​จาก​กัน​หลัง​จาก​ที่อลิ​เซียพยายาม​ช่วย​เหลือ​เขา​แล้ว​ทุกวิถีทาง​ ​อลิ​เซีย​ต้อง​หา​เลี้ยงลูกตามลำ​พัง​ ​จนกระ​ทั้ง​ใน​ปี​ 1970 ​ครบหนึ่งทศวรรษของการหย่าร้าง​ ​อลิ​เซีย​ได้​รับตัวแนช​เข้า​มา​อยู่​ใน​บ้านของเธออีกครั้ง​ ​ด้วย​เหตุผลที่​เธอบอกว่า​ ​เธอมิ​ได้​รับ​เขา​ใน​ฐานะสามี​ ​แต่รับ​เข้า​มา​ใน​ฐานะ​ผู้​พักอาศัยร่วมชายคา​เดียว​กัน

    “​ถ้า​อลิ​เซีย​ไม่​รับตัว​เขา​มา​อยู่​ด้วย​ ​แนชก็คง​ต้อง​ร่อนเร่​อยู่​ตามถนน” ​ซิลเวียร์​ ​นาซาร์​ ​ผู้​ประพันธ์หนังสือประวัติของแนช​ได้​กล่าว​ไว้

    ใน​ช่วงปี​ 1980 ​เป็น​ต้นมา​ ​อาการป่วยทางจิตของแนชค่อยๆ​ ​ดีขึ้นเรื่อยๆ​ ​ซึ่ง​มัน​เป็น​เรื่องอัศจรรย์ที่​ไม่​เกิดขึ้นบ่อยนัก​ ​และ​นั้น​ก็​เป็น​สัญญาณสำ​คัญที่บอกว่า​ ​อัจฉริยะ​ผู้​นี้​จะ​กลับมา​อยู่​ใน​โลกแห่ง​ความ​เป็น​จริง​ได้​อีกครั้ง

    จน​แล้ว​จนรอดแนชก็กลับมาหาย​เป็น​ปกติอีกครั้ง​ ​ท่ามกลาง​ความ​ดี​ใจของญาติมิตร​ ​และ​อดีตภรรยาอย่างอลิ​เซีย​…​ก็​ใครล่ะ​จะ​ไปคิดว่า​ ​”​เขา​จะ​หายบ้า​” ​ได้

    หลัง​จาก​อาการโรคจิต​ ​ไม่​สามารถ​ทำ​อะ​ไร​เขา​ได้​อีก​ ​เรื่องดีๆ​ ​ก็ทยอย​เข้า​มา​ใน​ชีวิต​เขา​อย่างตั้งใจ​ ​เมื่อ​เขา​ได้​รับรางวับโนเบลสาขาวิทยาศาสตร์​เศรษฐกิจ​ ​เมื่อวันที่​ 12 ​ตุลาคม​ 1994 ​ร่วม​กับ​ ​จอห์น​ ​ซี​. ​ฮาร์ซานยี​ ​และ​ ​ริชาร์ด​ ​เซลเทน ​ใน​ฐานะ​ผู้​บุกเบิกการวิ​เคราะห์ดุลยภาค​ ​ใน​ทฤษฎีการแข่งขันที่​เป็น​การแข่งขันเสรี​ ​โดย​ที่​ไม่​มีปัจจัยภายนอกกำ​หนด

    ใคร​จะ​รู้ว่า​เรื่องอัศจรรย์ก็​เกิดขึ้น​กับ​ชีวิต​เขา​อีกครั้งหนึ่ง​ ​เขา​กับ​อลิ​เซียกลับมา​แต่งงาน​กัน​อีกครั้ง​ใน​ปี​ 2001 ​หลัง​จาก​ที่​ทั้ง​คู่หย่าร้าง​กัน​มานานเกือบ​ 40 ​ปี​ ​ขอ​ให้​เชื่อเถอะว่าชีวิตทุกบททุกตอนของนักคณิตศาสตร์บันลือโลก​ผู้​นี้​เป็น​เรื่องจริง​ ​แต่คุณๆ​ ​คงคิด​ใช่​มั้ยครับว่า​ ​ชีวิตของ​เขา​ช่างน่า​เหลือเชื่อ

    ขอ​ให้​รู้​ไว้​เถอะครับว่า​…​โลกมันก็​เป็น​อย่างนี้​แหละครับ​ ​อะ​ไรก็​เกิดขึ้น​ได้​เสมอ

    ที่มา http://irishpotato.multiply.com/journal/item/4

Comments are closed.