แวะไปทานปลาไหลย่างซีอิ๊วที่ Mai izakaya

หลังเลิกงานได้มีโอกาสตามน้องๆก๊วนอาซาฮีไปในโอกาสที่มีถ่ายงานภายในชิ้นนึง ที่ร้าน mai izakaya ครับ
ร้านนี้มองผ่านรอบแรก รู้สึกว่าร้านเล็กมาก แต่พอเข้าไปแล้วประทับใจกับเมนูอาหารที่มีให้เลือกแบบสะใจ เรียกได้ว่าเยอะพอที่จะเลือกทานได้ไม่เบื่อกันเลยทีเดียว

ปกติเป็นคนชอบทานเบียร์ญี่ปุ่นอยู่แล้วซึ่งกับแกล้มส่วนมากก็มักจะเป็นอาหารญี่ปุ่น
เหตุผลหลักๆก็คือเป็นเบียร์ที่ทานง่ายกำลังสบาย  ไม่หนักเกินไปสำหรับวันทำงานที่พรุ่งนี้เราต้องมีงานต่อ
และทานได้มากพอที่จะดื่มอย่างสนุกกับเพื่อนฝูง น้องๆ โดยที่ตื่นเช้าพรุ่งนี้ยังเป็นปกติ ไม่แฮงก์ และทำงานต่อสบายๆ

เมนูชุดที่ชอบทานเป็นประจำ เวลาที่ไปร้านอาหารญี่ปุ่นแทบทุกร้าน และหาทานแบบอร่อยๆได้ยากมากก็คือ ปลาไหลย่างซีอิ้วครับ  ที่จริงเรียกได้ว่านับร้านได้เลยที่ทำออกมาอร่อยได้แบบต้นตำรับ ที่ปลาไหลย่างหนังเกรียมกรอบแล้วทาซอสข้นได้รสชาติกำลังพอดีลงตัว



ร้านที่เก่งและชำนาญ จะใช้ไฟอ่อนๆย่างจากด้านที่เป็นหนังด้านนอกก่อน พอขอบๆเนื้อในปลาเริ่มสุก หนังเริ่มงอ ก็กลับด้าน ย่างอีก ทำแบบนี้ไปมา จนน้ำมันในตัวปลาเริ่มซึมออกมา หนังปลาเริ่มกรอบ เนื้อเป็นสีเหลือง
แล้วก็พัก เอากลับมาย่างทาซอสจนซึมลงไปในเื้นื้อปลา

ร้านนี้ถือว่าผ่านเกณฑ์ครับ ความหอมของปลา หนังกรอบที่ยังรู้สึกได้ และซอสที่ถือว่าพอไหวๆ ลงตัวมากพอที่จะแนะนำมาให้ลองชิมแกล้มเบียร์เบาๆแบบมื้อเล็กๆ ได้ดีทีเดียวครับ

เกร็ดน่ารู้

ปลาไหลที่คนญี่ปุ่นนิยมทานกันมี 2 ชนิดครับ

แบบแรกก็คือ  อูนาหงิ ( Unagi เป็นปลาไหลน้ำจืด ปลาไหลชนิดนี้จะอยู่ตามใต้โขดหินในแม่น้ำลำธารที่มีน้ำสะอาด ในปัจจุบัน มีการเลี้ยงกันในฟาร์ม และ นำเข้าจากประเทศจีน กันเป็นส่วนใหญ่ ในบ้านเราที่ศรีราชาก็เป็นแหล่งผลิตใหญ่จุดนึงเหมือนกัน

แบบที่ 2 ก็คือ อะนาโหงะ (Anago) เป็นปลาไหลทะเลครับ  สำหรับตัวนี้เราจะเห็นบ่อยๆในเมนู ซูชิ ข้าวปั้นหน้าปลาไหลทะเล (อะนาโหงะ ซูชิ) กรรมวิธีการปรุงโดยปกติแล้ว ก็คล้ายๆกันกับปลาไหลน้ำจืด คือ เอามาย่างกับซอสหวาน( คาบายากิ ทาเร่ะ)
เทคนิคของคนญี่ปุ่น กับวิธีการปรุงปลาไหล(อูนาหงิ) มีมาตั้งแต่ก่อนสมัยเอโดะแล้ว และค่อนข้างเป็นกรรมวิธีที่ยุ่งยากทีเดียว แต่อาหารชนิดนี้เป็นที่นิยมเนื่องจากสรรพคุณของมันเอง เพราะในปลาไหลน้ำจืดของญี่ปุ่นนี้ อุดมไปด้วย วิตามิน A , วิตามิน B1 , วิตามิน B2 , วิตามิน D , วิตามิน E รวมทั้งยังมีคอลลาเจน เรียกได้ว่าครบสูตรอาหารบำรุงสุขภาพ นอกจากนั้นก็ยังมี น้ำมันปลา และ สารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเช่น DHA , EPA , เกลือแร่ , แคลเซียม และ ธาตุเหล็ก ด้วย
สำหรับหลายๆคน จะทราบดีว่า ปลาไหล(อูนาหงิ) มีชื่อเสียงในเรื่องสรรพคุณเกี่ยวกับ การบำรุงกำลังวังชา และ บำรุงความสวยงาม แก้โรคอ่อนเพลียง่าย ได้ด้วย เรียกได้ง่ายๆว่าเป็นอาหารเสริมโด๊ป  บำรุงกำลังได้ดี เพราะฉะนั้นทำงานมาเหนื่อยๆ ทานปลาไหลย่างซีอิ้วสักจานกำลังดีเลยทีเดียวครับ
เกร็ดน่ารู้ที่สำคัญสำหรับร้านที่ขายปลาไหลย่างซีอิ้ว ก็คือ ซอส คาบายากิ (คาบายากิ โนะ ทาเร่ะ ) ซึ่งเป็นซอสรสหวานปนเค็มนิดๆ เอาไว้สำหรับจุ่ม หรือ ทาปลาเวลาขณะที่ย่างอยู่ตลอดรอบแล้วรอบเล่า จนกระทั่งเนื้อปลาซึมรส
ซอสชนิดนี้ เป็นซอสที่ต้องใช้เวลาทำทิ้งไว้นานๆจึงจะอร่อย ถือเป็นเป็นสูตรลับเฉพาะของทางร้านครับ สำหรับบางร้านซอสคาบายากิที่เอามาปรุงให้ลูกค้า มีอายุกว่า 30-40 ปีแล้ว (คือ ทำขายกันตั้งแต่รุ่นปู่-รุ่นหลานในปัจจุบัน) โดยผู้ปรุงรสคือเจ้าของร้านรุ่นแรก ได้ทำเอาไว้แล้วรุ่นถัดๆมาก็เก็บเป็นน้ำเชื้อไว้ แล้วเติมใส่ของใหม่ลงไปผสมแล้วเคี่ยวต่ออีก อยู่เรื่อยๆ ทำอย่างนี้ทุกวัน จึงเรียกว่าเป็นซอสเก่าแก่ ยาวนานแบบสมัยเอโดะ ดั้งเดิม ยิ่งเก็บไว้นานยิ่งอร่อย
นอกจากคาบายากิ เมนูปลาไหลเด็ดๆก็ยังมีให้ลองชิมอีกหลายแบบนะครับ ใครทานทานปลาไหลอย่าลืมหาโอกาสไปทานกัน
  • เนื้อปลา ย่างสีขาวไม่ใส่ซอส ..(ชิรายากิ)  นิยมทานกับโชหยุ และ วาซาบิ มัสตาร์ดเขียว
  • เนื้อปลา ย่างสีน้ำตาลฉ่ำ  (คาบายากิ )  นิยมทานแพร่หลายมาก ทานเปล่าๆ ทานกับข้าวสวย ซูชิ เส้นโซเมน ฯลฯ
  • ตับขาว ของปลาไหลย่าง  (คิโมะ ยากิ)  ไม้หนึ่งๆ ต้องใช้ตับขาวของปลา 4 ตัว
  • ซุปใส ใส่ตับขาวปลาไหล  (คิโมะ ดาชิ)  ต้มกับซุปสต็อกปลาโอ (ดาชิจิหรุ)
  • ก้างปลาไหลย่าง  (โฮเนะ ยากิ)  มักไว้ทานเล่น เป็นของขบเคี้ยว และได้แคลเซียมมาก ด้วย